Code Blue

ในภาพอาจจะมี 2 คน, สถานที่ในร่ม


นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เมื่อปีก่อน
ภูมิใจที่ทำงาน เป็นพยาบาลข้างเตียง 
Proud to be a NURSE.

เสียงประกาศตามสายบอกว่า Code Blue ที่ห้อง Cath Lab.
ที่โรงพยาบาลผม Code Blue หมายถึงว่า มีผู้ป่วยกําลังจะตาย ต้องการความช่วยเหลือด่วนที่โรงพยาบาลผม ICU มีหน้าที่ response to Code Blue ที่เกิดในโรงพยาบาลทุกแห่งยกเว้น ER.

ผมและเพื่อนพยาบาลจาก ICU ได้ไปช่วยผู้ป่วยให้ชีวิตกลับคืนมาตามหลักการ ACLS และช่วยแพทย์ใส่ IABPภายหลังจากที่แพทย์ได้ใส่ขดเลือดstent แล้วก็ส่งผู้ป่วยกลับมาเข้ารับการดูแลรักษาต่อในยูนิตของผม

การเข้าไปทํางานในห้อง Cath. Lab. เราต้องใส่ชุดป้องกันรังสี นอกจากชุดจะสวยงามดังรูปที่โพสต์ให้ดูแล้วยังเป็นภาพระลึก
ถึงความทรงจําที่สวยงามอีกด้วย


ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน

เพราะนี่ก็เป็นอีกชีวิตหนึ่งที่พยาบาลอย่างผม
ได้มีส่วนช่วยรักษาชีวิตให้คืนกลับมาได้

ช่วยชีวิตคนหนึ่งคน เราเรียกพวกเขาว่า ฮีโร่
แต่ช่วยชีวิตคนร้อยคน เราเรียกพวกเขาว่า พยาบาล
Save one live, you are a HERO.
Save a hundred lives and you are a NURSE.


ในภาพอาจจะมี ข้อความ


เมื่อคุณพบผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่หัวใจหยุดเต้น หลังจากที่คุณร้องขอความช่วยเหลือแล้ว ตามหลักการของ ACLS แนะนำให้ช่วยเหลือดังนี้

1. เริ่มต้นด้วยการปั้มหัวใจ ด้วยคุณภาพสูงสุด ด้วยอัตราความเร็ว 100 - 120 ครั้งในหนึ่งนาที ปั้มอย่างหนักแน่น ให้หน้าอกยุบลงประมาณ 2 นิ้ว และระหว่างปั้มแต่ละครั้ง ต้องรอให้หน้าอกที่ยุบลงนั้นคืนกลับที่เดิม ก่อนที่จะปั้มในครั้งต่อไป

2. เมื่อคนมาช่วยและนำเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าของหัวใจที่สามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปช๊อคหัวใจได้มาด้วย ก็ให้ติด defibrillator pad ที่ข้างหน้าหน้าอกข้างซ้ายและที่ข้างหลังส่วนบนข้างซ้าย หรืออาจจะติด pad ที่หน้าอกข้างบนข้างขวา และ เอวข้างซ้ายก็ได้�หลังจากนั้นก็ตรวจดูคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ ถ้าเป็นคลื่น Ventricular fibrillation หรือ Ventricular tachycardia ที่จับชีพจรไม่ได้ ก็ให้ทำการ ช๊อค ( defibrillation ) ทันที ด้วยกำลังอัตราไฟฟ้า 120 - 200 joules ถ้าเป็นเครื่อง Biphasic แต่ถ้าเป็นเครื่อง Monophasic ก็ใช้ไฟฟ้าขนาด 360 joules.�

3. หลังจาก shock แล้วก็ให้ทำการปั้มหัวใจต่อไปเลย ปั้มอีก 2 นาทีจึงหยุดตรวจหาชีพจร ถ้าหัวใจยังมีคลื่นไฟฟ้า ที่เรียกว่า VFหรือ Pulseless VT ก็ให้ทำการ ช๊อค defibrillation อีกครั้งหนึ่ง

�4. หลังจากนั้นก็มาพิจารณาถึงยาที่จะให้ ก็คือยา Epinephrine 1 mg IV push ทุกๆ 3 - 5 นาที อาจจะใช้ Vasopressin 40 units แทน Epinephrine ได้หนึ่งครั้ง �ยาตัวต่อมาที่พิจารนาใช้ก็คือ Amiodalone 300mg IV bolus ถ้า คลื่นไฟฟ้ายังเป็น VF หรือ Pulseless VT ก็อาจจะให้ AMIODARONE dose ที่สองด้วยจำนวนเพียง 150 my IV bolus

5. พิจารณาการใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งมีผลดีกว่าการใช้ mask และ ambu bag. การใส่ท่อช่วยกายใจควรใช้ waveform capnograhy หรือใช้ capnometry ช่วยในการยืนยันว่าใส่ท่อช่วยหายใจไปถูกที่

6.พิจารณาแก้ไขโดยคำนึงถึงสาเหตุที่ทำให้เกิด หัวใจหยุดเต้น จาก 5H และ 5T ซึ่งประกอบด้วย Hypovolemia, Hypoxia, Hydrogen ion
( acidosis), Hypo/Hyperkalemia, Hypothermia,Tension pneumothorax, Tamponade/cardiac  ToxinsThrombosis, pulmonaryThrombosis, coronary.

by Supachai Triukose

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย (Discharge planning)

ความหมาย และความสำคัญของมนุษย์สัมพันธ์

เก็งแนวข้อสอบสภาการพยาบาลพร้อมเฉลยฉบับที่1