โอ้ย​ เส้นเลือดสมองตีบ

ดันมั้ยดัน…ถ้าดันไม่จริง…..ให้ยาไปเสร็จอนาถ

คุณสมัย (นามสมมติ) อายุ 60 ปี นอนแบ็บอยู่บนเตียง หลังจากที่ถูกย้ายจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะพอรู้ตัวโต้ตอบได้บ้างแต่แทบจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแขน-ขา ทั้ง 2 ข้างไม่ได้
และมองเห็นภาพซ้อนจนต้องหาผ้าก๊อซมาปิดตาเสีย 1 ข้าง มี โรคประจำ ได้แก่ โรคอ้วน ความดันสูง ความดันที่เป็นมานาน 8 ปี ควบคุมได้ในช่วง 2-3 ปีหลัง
โดยที่อยู่ในระดับ 120-130 ตัวบน และ 80-90 ตัวล่าง
วันเกิดเหตุเมื่อ 5 วันที่แล้ว ขณะนั่งดูละครมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนกะทันหัน พร้อมกันนั้นเห็นภาพซ้อน เสียงเปลี่ยนไป และยืนทรงตัวแทบไม่ได้ โงนเงนแต่ยังไม่มีแขน-ขาอ่อนแรง ไปโรงพยาบาลเอกชนวัดความดันได้ 200/100 โดยที่ยังมีเวียนศีรษะอยู่ตลอด แพทย์ให้การวินิจฉัยทันทีว่าความดันสูงอย่างแรง จนทำให้เวียนหัว ให้ยาอมใต้ลิ้น ยาลดความดัน ยาฉีดเข้าเส้นแก้เวียนศีรษะ
ภายใน 25 นาทีต่อมา อาการเวียนเริ่มจะดีขึ้น ความดันลงมา ถึงระดับ 110/80 แต่แขนขายกได้น้อยลงและแกว่งไปมาคุมไม่ค่อยได้ ลูกตาเขจนเห็นได้ชัดและลิ้นคับปากมากขึ้น คอมพิวเตอร์สมองไม่พบความผิดปกติใดๆ
และอาการอ่อนแรงลามขึ้นเรื่อยๆ ใน 1 ชั่วโมงครึ่งถัดมาจนแทบเคลื่อนไหวไม่ได้ ขณะที่อยู่โรงพยาบาลได้รับการรักษาด้วยยาฉีดและอื่นๆในห้องไอซียู
เนื่องจากทนค่าใช้จ่ายไม่ไหวจึงขอย้ายมา รพ.รัฐ ผลคอมพิวเตอร์สมองครั้งที่ 2 พบว่า มีก้านสมองซึ่งถูกเลี้ยงด้วยเส้นเลือดคู่หลังและสมองน้อยส่วนท้ายทอยขาดเลือด ซึ่งอธิบายถึงอาการเวียน ตาเห็นภาพซ้อน ตาเหล่เข รวมทั้งแขนขา 2 ข้างไม่มีแรง ก้านสมองควบคุมการเคลื่อนไหวลูกตา และอวัยวะในการพูด การกลืนโดยตรง เป็นทางผ่านของสายใยประสาทสั่งงานที่มาจากสมองใหญ่ด้านบนทั้ง 2 ข้าง
ความผิดปกติในก้านสมองย่อมทำให้เกิดอ่อนแรง อัมพาตของแขนขา ร่างกายซีกเดียวหรือทั้ง 2 ซีกก็ได้ นอกจากนั้นความที่เส้นเลือดคู่หลังยังไปเลี้ยงสมองน้อยส่วนท้ายทอย จึงกระพือให้การทรงตัวของร่างกายและการเคลื่อนไหวของ แขน-ขา ผิดปกติไปอีกด้วย
การที่คอมพิวเตอร์ สมองมองไม่เห็นความผิดปกติเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากลักษณะของเส้นเลือดตีบจะเริ่มปรากฏให้เห็นในวันถัดๆมา หรืออาจช้าไปได้ถึง 3-5 วัน การที่อาการของโรคทรุดลงอย่างรวดเร็วจากเวียนเฉยๆ โดยที่ แขน-ขา ยังไม่อ่อนแรงจนกลายเป็นอัมพาตนั้น มีตัวการที่สำคัญ คือการที่ปรับความดันให้ลดลงเร็วกะทันหัน ความดันสูงเป็นปฏิกิริยาของร่างกายและสมองต่ออัมพฤกษ์ที่เริ่มเกิดขึ้น ไม่ใช่ความดันสูงแล้วทำให้เกิดเวียนหัว การรีบลดความดันอย่างรวดเร็วทำให้เลือดซึ่งขณะนี้ ไหลเอื่อยๆอยู่แล้วจากการที่เส้นเลือดตีบจวนจะตันเลยกลายเป็นตันไป และก่อให้อาการทยอยตามกันมา
อย่างไรก็ดีการลดความดันที่สูงขณะที่เกิดมีอัมพฤกษ์-อัมพาต หรือมีเส้นเลือดตีบตันในสมองนั้น อาจจะต้องกระทำในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด (throm–bolysis) ซึ่งต้องรีบรักษาในระยะเวลา 3 ชั่วโมงครึ่งหลังจากที่เกิดอาการ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นเลือดที่ตีบกลายเป็นแตก ขณะให้ยาละลายลิ่มเลือด แต่ก็ต้องพยุงความดันให้อยู่ในระดับเหมาะสมตลอด
ในคนที่ไปตรวจความดัน ก่อนจะสรุปมีความดันสูง ต้องทำการตรวจหลายครั้ง ต่างวันกัน และในขณะที่ทำการวัดความดันต้องอยู่ในสภาพปกติ ไม่เหนื่อย ไม่มีภาวะปวดเวียน ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว นั่งพักก่อนอย่างน้อย 5-10 นาที แม้แต่ความตื่นเต้นที่เจอหมอก็ทำให้ความดัน “ตกใจ” ได้ การที่จะบอกว่าคน คนหนึ่งเป็นโรคความดันสูงจริงต้องทานยา จำเป็นต้องทำการตรวจหลายๆครั้งดังที่กล่าว
กรณีของคุณสมัยดังข้างต้น เป็นที่มาของการที่ผู้ป่วยอัมพฤกษ์หลายรายอาการดีขึ้น จากการให้หมอพระ หมอเทวดา หมอนวดรักษา (ความจริงเกิดจากการที่ตัวโรคดีขึ้นเองตามธรรมชาติ) แต่การให้กินน้ำ (มนต์) เยอะๆ ก็เป็นเครื่องช่วยทางอ้อม
ทั้งนี้ การให้น้ำเพียงพอเปรียบเสมือนการทำให้เลือดใสไหลเวียนได้สะดวกขึ้น และการไม่ไปแตะต้องกับความดัน (ซึ่งยังอยู่ในระดับที่รับได้และไม่กระทบกับอวัยวะอื่นเช่นหัวใจ) ความดันที่ตกใจสูงขึ้นมาครั้งเดียว ขณะที่มาตรวจตามปกติทุก 1-3 เดือน และได้รับยาเพิ่มไปทันทีอาจจะเกิดผลร้ายมากกว่า
สำหรับคนที่มีความดันสูงและอยู่ในการรักษา การทราบความดันตนเองบ่อยๆเป็นสิ่งที่ดี เพื่อเป็นหลักประกันว่าโรคความดันของตนเองควบคุมได้สม่ำเสมอ ทั้งนี้ การวัดไม่ว่าจะเป็นเช้า-สาย-บ่าย-เย็น ควรอยู่ในระดับ 130/80 หรือต่ำกว่า ในการวัดควรวัดความดันของแขน 2 ข้าง เนื่องจากความดันอาจต่างกันบ้าง ที่ต้องฝากอีกคือ ความดันที่สูงขึ้นวันละเล็กวันละน้อยจะไม่เกิดอาการผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นอย่าตายใจ วัดความดันเช็กเป็นครั้งคราวเรื่อยๆโดยเฉพาะถ้าครอบครัวมีประวัติความดัน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ และเป็นที่มาของเหตุการณ์ที่ทำไมออกกำลังกายทุกวัน วิ่งทุกวัน หัวใจวายตายได้ ทั้งนี้ เพราะไม่เคยรู้ตัวว่ามีความดันสูงและออกกำลังกลับยิ่งทำร้ายตนเองมากขึ้น ดูแลสุขภาพนะครับ.

ข้อมูลจาก  https://www.thairath.co.th/content/497746

https://xn--l3cz3ajb3d4g.com/?p=35

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความหมาย และความสำคัญของมนุษย์สัมพันธ์

การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย (Discharge planning)

เก็งแนวข้อสอบสภาการพยาบาลพร้อมเฉลยฉบับที่1