ขำๆมาจากไลน์
ดิฉันเป็นอาจารย์หมอค่ะ เชี่ยวชาญพิเศษในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ หลังจากการประชุมบรรยายเสร็จสิ้น ฉันเดินออกจากโรงแรมและหากุญแจรถ แต่ฉันต้องตกใจมาก เพราะกุญแจรถไม่อยู่ในกระเป๋าของดิฉัน ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องประชุมฯ มองหากุญแจรถ ไม่พบเช่นกัน
ฉับพลันฉันนึกขึ้นได้ ฉันต้องลืมทิ้งไว้ในรถแน่ เพราะสามีเคยเตือนดิฉันหลายครั้งแล้วว่า อย่าลืมคากุญแจไว้ที่รถนะ!
ฉันยิ่งมั่นใจว่าการคาลูกกุญแจไว้ในรถน่าจะเป็นสาเหตุที่หาลูกกุญแจไม่เจอ
ฉับพลันฉันก็นึกได้ว่า รถต้องถูกขโมยขับไปเสียแล้ว
ทันที ทันใดนั้น ฉันก็รีบวิ่งไปที่จอดรถ ฉันคิดถูก ที่จอดรถว่างเปล่า!
ฉันไม่รีรอ หยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ บอกสถานที่ของเหตุการณ์ ลักษณะรถยนต์ สถานที่จอดรถ พร้อมสารภาพกับตำรวจว่า ฉันลืมดึงลูกกุญแจ คาลูกกุญแจไว้ที่รถ และนั่นคือสาเหตุที่รถถูกขโมยขับออกไป
หลังจากนั้น ฉันโทรหาสามีด้วยความลำบากใจและรู้สึกผิดว่า...
“ฮัลโล ที่รัก! (พูดตะกุกตะกัก ไพเราะที่สุดแบบรู้สึกผิด) ฉันลืมกุญแจไว้ในรถ และรถถูกขโมยไปแล้ว”
“ฮัลโล ที่รัก! (พูดตะกุกตะกัก ไพเราะที่สุดแบบรู้สึกผิด) ฉันลืมกุญแจไว้ในรถ และรถถูกขโมยไปแล้ว”
เงียบ..ไม่มีเสียงตอบ?
ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้รับสายหรือไม่ก็คงช็อคที่รถหาย. ?
ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้รับสายหรือไม่ก็คงช็อคที่รถหาย. ?
และแล้วฉันก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากโทรศัพท์ว่า..
“กูเป็นคนขับรถไปส่งมึงที่โรงแรมเอง !!!”
“กูเป็นคนขับรถไปส่งมึงที่โรงแรมเอง !!!”
แม้ไม่สุภาพแต่ฉันก็เงียบและพูดตอบอย่างขวยเขินว่า “กรุณามารับฉันด้วยนะค่ะ?”
เสียงสามีตะโกนใส่มาอีกครั้ง!!ว่า..
“กูจะรีบไปรับมึงให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้กูถูกตำรวจจับอยู่! ไม่รู้หมาตัวไหนโทรไปแจ้งว่ารถหาย ให้กูอธิบายให้ตำรวจเข้าใจก่อนว่า กูไม่ได้ขโมยรถมา เวร !!!!!!!!”
“กูจะรีบไปรับมึงให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้กูถูกตำรวจจับอยู่! ไม่รู้หมาตัวไหนโทรไปแจ้งว่ารถหาย ให้กูอธิบายให้ตำรวจเข้าใจก่อนว่า กูไม่ได้ขโมยรถมา เวร !!!!!!!!”
ความคิดเห็น