การใช้แอลกอฮอล์เป็นยา ตอน1

การใช้แอลกอฮอล์เป็นยา...สืบสาวจากโบราณกาล (ตอน 1)

กาเลน (Galen) สมัยคริสตกาล 130-210 กล่าวไว้ว่า “ไวน์ช่วยดูแลประคับประคองเราจนแก่เฒ่า” เรื่องเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ประสานสนิทแนบแน่นกับคนเรา ทั้งทางสังคม วัฒนธรรม ศาสนา เศรษฐกิจ รวมทั้งความเชื่อทางการรักษา ถูกนำมาใช้ในช่วงเวลาฉลองรื่นเริงและอีกมากมาย การนำมาใช้เพื่อเป็นยาในการรักษาโรคมีประวัติยาวนานเก่าแก่และปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ในวัฒนธรรมของเชื้อชาติต่างๆทั่วโลก
บทความนี้รวบรวมโดย Steven Rourke ในสื่อ Medscape ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ใช้ในการอ้างอิงและช่วยในการวินิจฉัยและรักษาโรคและติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการ
เริ่มกันเลยตั้งแต่ 6,000-7,000 ปีก่อนคริสตกาลมีการค้นพบเครื่องปั้นดินเหนียวในเมืองจีนตอนเหนือ ซึ่งน่าจะเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุดแล้วของแอลกอฮอล์ ในนั้นบรรจุด้วยไวน์ที่ทำจากข้าวและปรุงแต่งด้วยน้ำผึ้งและองุ่น Yao jiu เป็นการใช้แอลกอฮอล์มาเป็นยา และแตกต่างจากประเภทที่ได้จากการหมัก (Huang jiu) และที่ได้จากการกลั่น (Bai jiu) และนำมาใช้รวมทั้งมีตำรับแต่โบราณในการใช้ ซึ่งต้องขึ้นกับ เพศ อายุ และสถานการณ์ภาวะที่ผิดปกติว่าเป็นเช่นไร ในเครื่องยาจีนสมุนไพร ซึ่งใช้เป็นยาจะมีระบุสรรพคุณต่างๆ ซึ่งรวมทั้งการทำให้กระปรี้กระเปร่าและเลือดลมสะดวก อุ่นขึ้น มีชีวิตชีวา และในตำราจีนระบุถึงความสำคัญที่ต้องคำนึงถึงปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ต้องใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ มิฉะนั้นจะมีโทษ
ในสมัยอียิปต์ฟาโรห์ประมาณ 3,400 ปีก่อนคริสตกาล โรงต้มเหล้า หมักเบียร์อยู่ใน Nekhen (Hierakonpolis) โดยที่สมัยนั้นเบียร์เป็นที่นิยมมากและเป็นศิลปะซับซ้อน โดยถือเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต เทพของชีวิตและความตาย หรือ Osiris ยังเป็นเทพของไวน์โดยจัดเป็นโอสถของการฟื้นฟูและใช้ในวงสังคมชั้นสูง ทั้งเบียร์และไวน์เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาและสุขภาพ และต่อมามีการบริโภคแพร่หลายสำหรับเพื่อเฉลิมฉลองความสุข เป็นส่วนของอาหาร ยา พิธีกรรมทางศาสนา เป็นสินจ้าง บำเหน็จ และในพิธีศพ
จากที่จารึกใน Ebers Medical Papyrus (ประมาณ 1,550 ปีก่อนคริสตกาล) ปรากฏสูตรดังนี้โดยให้ใช้มะเดื่อ 1/8 นม 1/16 มะเดื่อ Sycamore 1/8 ซึ่งบ่มแช่ข้ามคืนในเบียร์ปริมาณ 1/10 จากนั้นจึงให้ดื่มและอาการทั้งหลายแหล่จะดีขึ้นโดยพลัน
เรื่อยมาจนสมัยคลาสสิคกรีก ไวน์จัดเป็นของหรูและจัดเข้าข่ายเป็นยารักษาร่างกายและจิตใจในทั้งหญิงและชาย โดยสั่งจ่ายเพื่อช่วยปัดเป่ามะเร็ง รักษาแผล แม้กระทั่งท้องผูกและลมหายใจเหม็น
ฮิปโปเครตีสจัดไวน์เป็นยาในภาวะอื่นๆอีกหลายประการยกเว้นเพื่อที่จะแก้อาการสติแตก ไวน์มีบทบาทสำคัญเป็นยาทาภายนอกและภายในขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
ทั้งฮิปโปเครตีสและกาเลนได้บันทึกความรู้จำแนกเป็นรายละเอียดของการใช้ไวน์ทางการแพทย์ พรรณนาถึงข้อดีข้อเสียของการบริโภค ทั้งนี้ยังระบุด้วยว่าการรักษาให้ได้ผลยังขึ้นกับสี แคว้น แหล่งที่มาของไวน์ รสชาติ ความกลมกล่อม ความคงเส้นคงวา กลิ่น และอายุของไวน์ โดยต้องใช้ให้เข้ากับอายุ เพศ ภาวะเจ็บป่วย และรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนไข้ ทั้งนี้กาเลนเชื่อว่าการรักษาด้วยแอลกอฮอล์จะได้ผลในผู้ใหญ่แต่ไม่เหมาะกับเด็ก
จนสมัยจักรวรรดิโรมันการใช้ไวน์เป็นยาได้รับอิทธิพลมาจากกรีกและประเพณีอารยธรรมอีทรัสคันของชนในอิตาลีและคอร์ซิกา ชาวโรมันใช้ไวน์ผสมกับน้ำมันหอมระเหยสมุนไพร เพื่อที่จะทำให้ชาก่อนการผ่าตัด ซึ่งอาจดัดแปลงมาจากตำราทัลมุด การดื่มไวน์ยังถือเป็นการประคับประคอง พยุงชีวิตและเพื่อความสุข และในยุคนี้เองที่เป็นการเริ่มการดื่มแบบเมาหัวราน้ำในช่วงเวลาเทศกาลหรือการฉลอง
ล่วงมาถึงยุคกลางทั่วทั้งยุโรป การบ่มหมัก เหล้า เบียร์ เป็นกิจกรรมสำคัญในวัดและคณะนิกายต่างๆ เบียร์เป็นแหล่งสำคัญเพื่อใช้ในการประเทืองชีวิตในช่วงระหว่าง ค.ศ.1000 และ 1500 ผู้ใหญ่ในอังกฤษจะดื่มเบียร์โดยเฉลี่ยวันละ 1 แกลลอน (ประมาณ 4.5 ลิตร) ทั้งแพทย์และสงฆ์เชื่อในสรรพคุณทางยาของแอลกอฮอล์ซึ่งออกมาหลากหลาย ผสมกันเป็นยาเทพ
ศตวรรษที่ 8 ในโปแลนด์และที่ 9 ในรัสเซีย เป็นช่วงที่วอดก้าเผยโฉม ทำจาก ผลไม้ สมุนไพร ไม้ป่านานาชนิด เครื่องเทศ ผลของต้นโอ๊ก ชิโครี เมล็ดดอกไม้ซอเรล ผักชี ฮอร์สแรดิช มิ้นต์ มะนาว แพทย์ Arnaldus de Villanova จัดน้ำปรุง Aqua Vitae เป็นยารักษาสารพัดโรคทั้งสู้กับไข้ และป้องกันกาฬโรค และใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ทุกเวลา และทุกแคว้น โดยช่วยหัวใจ รักษาปวดหัว ช่วยระบบการย่อยและให้อยากอาหารและป้องกันตัวเหลือง ตาเหลือง โรคเกาต์ เจ็บในเต้านม รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะ หมาบ้ากัด ทำให้มีความกล้าหาญ และช่วยความจำ
ในเมโสอเมริกา (เม็กซิโกกลางและใต้ และอเมริกากลาง กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ เบลีซ ฮอนดูรัสและนิการากัว) มีการบริโภคแอลกอฮอล์ด้วยวัตถุประสงค์คล้ายกัน ชนเผ่ามายัน บ่มน้ำผึ้ง ข้าวโพดเป็นสูตรประจำเผ่ามาตั้งแต่ 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล และที่ค้นพบหลักฐานจากผู้บุกรุกถิ่นชาวสเปน ยังมีตำรับที่ทำจากผลไม้ เปลือกไม้ กระบองเพชรอีกด้วย การใช้มารักษาโรคเป็นที่แพร่หลายมาตลอดก่อนสมัยยุคโคลัมบัส
ท่านเซอร์ Walter Raleign ขณะถูกจองจำที่หอคอยลอนดอนในปี 1603 ทำการปรุงสูตรตำรับที่ทำจากพืชและสมุนไพรกว่า 40 ชนิด ที่ท่านนำกลับมาจากทวีปอเมริกา และถือเป็นยาอายุวัฒนะ.
หมอดื้อ

https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/954148

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความหมาย และความสำคัญของมนุษย์สัมพันธ์

การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย (Discharge planning)

เก็งแนวข้อสอบสภาการพยาบาลพร้อมเฉลยฉบับที่1