คำชี้แจงเกี่ยวกับโควิดเมื่อ5เมษายน2563

ในช่วงเย็นวันนี้ อาทิตย์ที่ 5 เมษายน 63 ได้รับฟังคำชี้แจงจากรองอธิบดีกรมควบคุมโรค  เลขาธิการอาหารและยา และ ผอ.องค์การเภสัช ทางทีวีช่อง NBT สรุปได้ว่า

1.โรค COVID-19 ระบาดติดต่อเร็ว ทุกคนจะต้องไม่ประมาท

2.ผู้สูงอายุ 70-79 และ มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ฯลฯ มีอัตราการตายสูงประมาณ 8% ผู้สูงอายุ 80 ขึ้นไป มีอัตราการตาย 14.6% อันเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการหนัก จึงต้องระวังการติดเชื้อให้มากที่สุด

3.สิ่งที่ต้องระวัง ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ไม่มีอาการอะไรเลย 20% แต่ แพร่เชื้อได้ ต่างจากโรคอื่นๆ ที่มีอาการก่อน จึงจะแพร่เชื้อ

4.มีอาการน้อยไม่รุนแรง หรือ ไม่มีไข้ ไอนิดหน่อย มีถึง 60% แต่ ก็แพร่เชื้อ COVID-19 ได้เช่นกัน

5.มีอาการปอดอักเสบ ไม่รุนแรง 10%  โดยมีอาการหนัก 3%

6.เกณฑ์ในการรักษา COVID-19 คณะแพทย์ได้ตกลงกันว่า นับแต่นี้ไป (5 เมษา 63) ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ไม่มีอาการ หรือ มีอาการเล็กน้อย รวม 80% นี้ แพทย์ จะให้สังเกตอาการที่ รพ.ประมาณ 7 วัน ถ้าไม่มีอาการหนัก จะย้ายไปกักตัวที่ Hospitel หรือ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ เช่น โรงแรมแถวดินแดง มี 210 ห้อง โรงแรมแถวจุฬา สามย่าน มี 40 ห้อง หอพัก มธ.มี 308 ห้อง เป็นต้น ถ้าครบกำหนด 14 วัน ไม่มีอาการหนัก จะให้ไปกักตัวที่บ้านดูอาการอีก 16 วัน จนครบ 1 เดือน ถ้าผลออกมาเป็นลบ จึงจะถือว่า  ได้รักษาหายแล้ว

(ปัจจุบัน นอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.ต่างๆ คนละประมาณ 3-4 สัปดาห์ บางราย นอนรักษาตัวมาเกิน 1 เดือนแล้ว ผลการตรวจ ยังพบเชื้อ COVID-19 อยู่ หรือ มีผลเป็นบวกอยู่ ถ้ามีคนป่วยมากขึ้น ห้องผู้ป่วยใน รพ.ต่างๆจะรับไม่ไหว)

7.เกี่ยวกับยา ฟาวิพิราเวียร์ ที่ว่า ได้ฟรีมาจากญี่ปุ่นนั้น ญี่ปุ่นบริจาคให้มาใช้ในการศึกษาวิจัยเท่านั้น มิใช่บริจาคมา เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย และบริจาคให้มา ก็ให้มาในหลัก ร้อยเท่านั้น และ ได้รับบริจาคมาจากจีน 2,000 เม็ดเท่านั้น

~ นอกนั้น ไทยใช้เงินสั่งซื้องวดแรกได้จากญี่ปุ่นมา 5,000 เม็ด

~ ซื้องวดที่สองจากญี่ปุ่น 40,000 เม็ด

~ซื้องวดที่สามจากญี่ปุ่นอีก 40,000 เม็ด

ขอให้สื่อมวลชนได้ทราบความจริงว่า ทั้งประเทศเรามีอยู่จริงๆคือ 87,000 เม็ดเท่านั้น เราได้ใช้รักษาผู้ป่วยอาการหนักไปแล้ว 515 ราย ได้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไปแล้ว 48,875 เม็ด คงมีเหลืออยู่จริงๆ ณ วันที่ 5 เมษา 63 เพียง 38,126 เม็ดเท่านั้น

8.ยาฟาวิพิราเวียร์นั้น ทุกๆประเทศ ก็ต้องการ ยานี้ลิขสิทธิ์ เป็นของญี่ปุ่น โดยในญี่ปุ่นเอง ก็ต้องการใช้ถึง 2,000,000 เม็ด ทุกชาติ ต่างก็แย่งกันขอสั่งซื้อ สำหรับการผลิตยาตัวนี้ ผลิตในประเทศจีน ไทยได้สั่งซื้อไปนานแล้ว คาดว่าในสัปดาห์หน้า จะได้รับมาจากญี่ปุ่น 100,000 เม็ด และ จากประเทศจีน อีก 100,000 เม็ด เราต้องใช้ยานี้ ในรายที่มีอาการหนักเท่านั้น ถ้าอัตราการป่วยที่มีอาการหนัก มีมากขึ้น จากอัตราปัจจุบันมาก เราไม่มียาพอที่จะให้การรักษาได้หมดทุกคน ถ้าอัตราผู้ป่วยหนัก ไม่มีมากขึ้น เราสามารถใช้ยาดังกล่าว เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยหนักได้ไปอีกเพียง 4 เดือนเท่านั้น แต่ ถ้า มีผู้ป่วยที่มีปริมาณมากขึ้น คาดว่า ระบบสาธารณสุขของไทย ก็รองรับไม่ไหว เช่นเดียวกับที่เกิดปัญหาในยุโรป และ อเมริกา ในปัจจุบันเช่นเดียวกัน จึงต้องร้องขอให้ประชาชน เพิ่มการให้ความร่วมมือในการอยู่แต่ในบ้าน เพื่อหยุดเชื้อ เพื่อช่วยชาติ เพราะ แม้จะมีเงินซื้อยา ก็ไม่มียามากพอที่จะขายให้ เพราะ COVID-19 ระบาดไปถึง 206 ประเทศทั่วโลกแล้ว  และ ญี่ปุ่นเอง ก็ประกาศแล้วว่า สามารถขายยาให้ได้เพียง 30 ประเทศเท่านั้น

9.วัคซีนนั้น คาดว่า อย่างเร็วที่สุด ต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน-1 ปี จึงจะมีโอกาสได้ใช้

10.สิ่งสำคัญที่ต้องทำ นับแต่นี้ไป คือ ตั้งแต่ 4 เมษา 63 คือต้องสกัดกั้น การนำเชื้อ COVID-19 เข้าประเทศไทย นั่นคือ ต้องปิดการขนคนเข้ามา ใครที่จะเข้ามา ทุกคน ต้องถูกกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนด 14 วันก่อน เท่านั้น ไม่มีการยกเว้น

11.ต้องสกัดการแพร่เชื้อ COVID-19 ระหว่างคนที่อยู่ภายในประเทศ ต้องค้นหาผู้ติดเชื้อให้พบทุกคน  ต้องแยกผู้ติดเชื้อออกจากคนที่ยังไม่ติดเชื้อ ให้การดูแลรักษาให้หายป่วย  เมื่อใดมีอาการผิดปกติ ต้องรีบกักตัว ต้องรีบตรวจหาเชื้อ สิ่งสำคัญ เขื้อ COVID-19 กลายพันธุ์เร็ว ผู้ที่ติดเชื้อแล้ว แม้ไม่มีอาการ ก็แพร่เชื้อได้ ถ้าทุกคน ร่วมรับผิดชอบในตนเอง  ก็เท่ากับได้ช่วยสังคม ได้ช่วยประเทศชาติแล้ว

12.ความรับผิดชอบในตนเอง ก็คือ ถ้าไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง หรือ อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ต้องกักตัวเอง เพื่อดูอาการ 14 วัน โดยต้องแยกตัวเอง ออกให้ห่างจากคนในบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ใส่หน้ากากผ้า/หรือ หน้ากากอนามัยตลอดเวลา  ล้างมือก่อนกิน  กินแต่ของร้อนๆ ใช้ภาชนะในการกินเป็นการส่วนตัว ไม่ปะปนกับคนในบ้าน ล้างมือด้วยสบู่ครั้งละไม่น้อยกว่า 20 วินาที ไม่ใช้มือ ในการแคะ/แกะ/เกา บริเวณใบหน้า ก่อนการล้างมือ อยู่แต่ในบ้านเท่านั้น เป็นต้น