อยู่อย่างไรไม่เกิดโควิดรอบสอง

"รพ.ศิริราช" เสนอแนวทางจะอยู่อย่างไร ไม่เกิดวิกฤตโควิด-19 รอบสอง หลังผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง ภาครัฐจ่อผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง... 

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. รพ.ศิริราช ได้ออกคำแนะนำ โดย รองศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า  จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 เป็นต้นมา จนสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤตในช่วงก่อนปลายเดือนมีนาคม ที่มีผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ในกรุงเทพและปริมณฑลจำนวนมาก จนเตียงไอซียูที่เตรียมไว้รองรับเกือบถูกใช้หมด
 
แต่หลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการที่เข้มงวดและประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของรัฐอย่างเข้มแข็งทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยค่อยๆ ลดจำนวนลงจนอยู่ในระดับที่ถือว่าควบคุมการระบาดได้ดีในปัจจุบัน ซึ่งทุกภาคส่วนหวังว่ารัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการทางกฏหมายและทางสังคม เพื่อประชาชนจะได้กลับไปใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ ที่ลดการสูญเสียในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ โดยที่ยังสามารถควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในชุมชนอย่างช้าๆ จนกว่าจะจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ได้เพียงพอ หรือจนกว่าประชากรส่วนใหญ่เริ่มมีภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

สมดุลใหม่ของการใช้ชีวิตที่จะเกิดขึ้นนี้ รัฐบาลและประชาชนจะต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ต้องเผชิญวิกฤต “โควิด-19” รอบ 2 ประกอบด้วย

1.การเคร่งครัดในการรักษาระยะห่างทางกายภาพ (physical distancing) โดยต้องไม่มีการอยู่รวมกันของประชาชนหนาแน่นเกินกว่า 1 คน ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศูนย์การค้า ระบบขนส่งมวลชน สถานศึกษา การประชุม หรือการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น เกินกว่า 50 คนขึ้นไป เป็นต้น

2.ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง เมื่อออกนอกที่พัก และสวมใส่ถ้าพื้นที่ในที่พักอยู่กันแออัด หรือสวมใส่ทุกครั้งเมื่อเป็นหวัด

3.หมั่นล้างมือบ่อยๆ เมื่ออยู่ในที่พัก และทำความสะอาดมือทุกครั้งที่จับต้องวัตถุเมื่อออกนอกที่พัก

4.ใช้เวลาในที่สาธารณะให้สั้นที่สุด เพื่อการอุปโภคบริโภค และกิจกรรมที่จำเป็นส่วนบุคคล

5.ผู้ให้บริการทุกประเภท ที่มีการสัมผัสร่างกายผู้รับบริการ เช่น การตัดผม การนวดผ่อนคลายเส้น ต้องใส่หน้ากากอนามัยโดยเคร่งครัด มีการล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังกิจกรรม ไม่ใช้สิ่งของร่วมกันระหว่างผู้รับบริการ สถานที่ให้บริการต้องมีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี และมีแสงสว่างเพียงพอ และงดให้บริการกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด

6.ประชาชนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ถ้าไข้ยังสูงลอยเกิน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการหายใจเหนื่อย หรือหายใจติดขัด ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาว่า จะส่งตรวจการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 แล้วมีอาการรุนแรงได้ง่ายคือ อายุเกิน 60 ปี อ้วนมาก มีโรคปอด โรคหัวใจ โรคไต และโรคตับเรื้อรัง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

7.สามารถเดินทางไปมาระหว่างพื้นที่ได้ ยกเว้นการเดินทางเข้าออกพื้นที่ที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จะต้องมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวด

ทั้งนี้เมื่อเริ่มมีมาตรการการผ่อนคลายแล้ว หากเกิดมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อแล้วป่วยขั้นวิกฤต ประชาชนต้องเตรียมพร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามมาตรการที่เข้มงวดขึ้นตามลำดับ

ขอบคุณข้อมูล: https://www.dailynews.co.th/regional/770800

---------------------------------------

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความหมาย และความสำคัญของมนุษย์สัมพันธ์

การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย (Discharge planning)

เก็งแนวข้อสอบสภาการพยาบาลพร้อมเฉลยฉบับที่1