การใช้น้ำเหลืองในผู้ป่วยที่หายจาก โควิด 19
การใช้น้ำเหลืองในผู้ป่วยที่หายจาก โควิด 19 : ข้อสังเกตุและความหวัง
ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
#สำหรับบุคลากรทางสาธารณสุข
เผยแพร่ 12/4/63
เพิ่มเติมรายละเอียด IVIG ในเด็ก 27/5/63
(ข้อสำคัญคือเราต้องไม่มีระลอกสอง เตรียมการทุกอย่างไว้ ไม่ได้ใช้ไม่เป็นไร)
ความจริงคือว่า เราใช้น้ำเหลืองจากคนที่หายมาใช้ในคนป่วยมาแล้ว ในประเทศไทย แต่ไม่ได้ผลมากนัก ที่ไม่ได้ผล เพราะน้ำเหลืองต้อง มีฤทธ์หรือความแรง (titer) ในการทำลายไวรัส (neutralizing antibody) อยู่ที่ระดับที่กำหนด จึงอาจจะใช้ได้ผล
ปกติการใช้สารสกัดน้ำเหลืองจากคนปกติมีมานานแล้ว การนำมาใช้ที่พบว่ามีประโยชน์จริงและใช้กันทั่วโลกอย่างน้อยตั้งแต่ 1989 คือเอาน้ำเหลืองของคนที่ปกติ หลาย 100 หลาย 1000คน มาเลือกแต่ตัวภูมิคุ้มกัน แบบ IgG ที่เรียกว่าการรักษาด้วย IVIG (intravenous immune globulin)
และไปรักษาโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันแปรปรวนต่างๆ ตั้งแต่โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน โรค พุ่มพวงราคา ประมาณ 200,000 ถึง 300,000 บาทต่อครั้งที่ทำการรักษา ถือเป็นยาใช้สำหรับภาวะวิกฤต โดยต้องใช้ยาอย่างอื่นต่อและเป็นที่เราเรียกว่าน้ำเหลืองดีมารักษาน้ำเหลืองเสีย
และสำหรับในโควิด-19 ปรากฏว่าน้ำเหลืองในลักษณะดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ประปรายแต่ที่นำมาใช้แล้วได้ผลในโควิด-19 ก็คือกลุ่มอาการอักเสบอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในเด็กที่มีลักษณะของโรคคล้ายคาวาซากิ ถือเป็นภาวะมรสุมภูมิวิกฤตที่รุนแรงกระทบระบบหลอดเลือดและหัวใจและตามต่อเป็นลูกโซ่
การใช้น้ำเหลืองในเรื่องของโควิด 19 ต่างกันคือนำไปใช้ฆ่าเชื้อไวรัส แต่กระบวนการและวิธีการคล้ายกันที่ต้องนำน้ำเหลืองของคนที่หายแล้ว และแยกส่วน IgG ที่มีฤทธ์เฉพาะในการฆ่าไวรัสเท่านั้นมาใช้เพื่อให้เข้มข้นขึ้น
แนวคิดน้ำเหลืองจากคนที่หายที่มาได้รับความสนใจ มาจากวารสารตีพิมพ์ของสหรัฐ โดยคณะผู้รายงานจากประเทศจีนถึงผลการรักษาผู้ป่วย 5 ราย โดยก่อนหน้านั้น มีรายงานจากศูนย์ไวรัสวิทยาของอู่ฮั่นรายงานผลการรักษาประมาณ 10 ราย ทั้งนี้โดยใช้น้ำเหลืองจากผู้ที่หายและมีระดับภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งไวรัสได้สูงกว่า 1:640 และผู้รับควรมีระดับต่ำกว่ามาก
และจากนั้นในสหรัฐเอง เริ่มเอาผู้ป่วยที่หาย พันรายที่ลงทะเบียนไว้มาเก็บเลือด โดยในสหรัฐเองนั้นกำหนดให้มีความแรงของน้ำเหลืองอยู่ที่ 1:80 ในผู้บริจาค นั่นอาจจะหมายความว่าเมื่อได้น้ำเหลืองมาแล้ว คงต้องมารวบรวมทำให้เข้มข้นขึ้นไปอีก ถึงจะนำมาใช้ได้
ทั้งนี้ กระบวนการอาจจะยากกว่าน้ำเหลืองธรรมดา ที่ใช้รักษาโรคทางภูมิคุ้มกัน เนื่องจากเอาของที่มีน้อยรวมกันให้เข้มข้นถึงจะเอาไปใช้ได้ และยังต้องตรวจว่า ในเลือดยังคงมีโควิด ไวรัสหรือไม่
แอนติบอดียอดขุนพล Elite antibody
ในขณะที่การใช้ แอนตี้บอดี้ในจีนที่ค้นพบและกำลังพัฒนาขั้นสูงขึ้นเพื่อใช้ในอนาคต โดยน่าจะใช้ได้ภายในเดือนตุลาคม
Xie Xiaoliang, ผู้อำนวยการของ Biomedicl Frontier Innovation Center ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า ทีมนักวิทยศาสตร์ประสบความสำเร็จในการคัดเลือก B เซลล์ 70 จาก 300,000 ตัว ที่สร้าง แอนติบอดีย์ ที่ทำลายไวรัส โดยแยกจากเลือดของผู้ที่หายป่วย และวิเคราะห์แยกเลือกจาก 300 รหัสพันธุกรรมที่จะคุมการสร้างแอนติบอดีย์ ที่ดีที่สุด เพื่อทำการผลิตเพิ่มปริมาณ โดยมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้รักษาในผู้ป่วยจำนวนมาก
นี่เป็นแนวการรักษาโดยใช้น้ำเหลืองซึ่งมีขั้นตอนที่อาจจะมากกว่าการนำน้ำเหลืองมาใช้โดยตรง จะอย่างไรก็ตาม การควบคุม ป้องกันโรคไม่ให้ลุกลาม ไปมากกว่านี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้
ที่มา
https://www.facebook.com/981730071860547/posts/3452574324776097/
ความคิดเห็น